Supply คืออะไร? ทำความรู้จักอุปทานในโลกคริปโต

Supply คืออะไร? ทำความรู้จักอุปทานในโลกคริปโต
Supply คืออะไร? ทำความรู้จักอุปทานในโลกคริปโต

ในโลกของคริปโตเคอร์เรนซี คำว่า "Supply" หรือ "อุปทาน" เป็นปัจจัยสำคัญที่ส่งผลต่อราคาและมูลค่าของเหรียญดิจิทัลแต่ละสกุล เปรียบเสมือนปริมาณสินค้าที่มีอยู่ในตลาด ยิ่งมีสินค้าน้อยและเป็นที่ต้องการมาก ราคาก็ยิ่งสูงขึ้น ในทางกลับกัน หากมีสินค้ามากเกินไปแต่ความต้องการไม่สูงนัก ราคาก็อาจจะลดลงได้ การทำความเข้าใจประเภทของ Supply จึงเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับนักลงทุนที่ต้องการจะวิเคราะห์และประเมินคริปโตเคอร์เรนซีได้อย่างแม่นยำ


Supply ในโลกคริปโตคืออะไร?

โดยพื้นฐานแล้ว Supply ในโลกคริปโต หมายถึง จำนวนเหรียญหรือโทเค็นทั้งหมดของสกุลเงินดิจิทัลที่มีอยู่ในระบบ ณ ช่วงเวลาใดเวลาหนึ่ง ซึ่งแตกต่างจากสกุลเงินปกติ (Fiat Currency) ที่ธนาคารกลางสามารถพิมพ์ธนบัตรเพิ่มได้ไม่จำกัด คริปโตเคอร์เรนซีส่วนใหญ่จะมีกลไกการควบคุม Supply ที่ชัดเจน ทำให้สามารถคาดการณ์ปริมาณเหรียญในอนาคตได้ และนี่คือประเภทของ Supply ที่คุณควรรู้จัก

1. Circulating Supply (อุปทานหมุนเวียน)

Circulating Supply คือ จำนวนเหรียญหรือโทเค็นที่กำลังหมุนเวียนอยู่ในตลาดและพร้อมสำหรับการซื้อขายแลกเปลี่ยน ณ ปัจจุบัน พูดง่ายๆ คือ เหรียญที่อยู่ในมือของนักลงทุนทั่วไป หรืออยู่ในกระเป๋าเงินดิจิทัลที่ใช้งานอยู่ รวมถึงเหรียญที่อยู่บนแพลตฟอร์มซื้อขายต่างๆ

  • สำคัญอย่างไร: ตัวเลข Circulating Supply ใช้ในการคำนวณ Market Capitalization (Market Cap) หรือมูลค่าตลาดของคริปโตเคอร์เรนซีนั้นๆ โดยสูตรคำนวณคือ: Market Cap=ราคาต่อเหรียญ×Circulating Supply ดังนั้น หาก Circulating Supply ต่ำ แต่ความต้องการซื้อสูง ราคาก็มีแนวโน้มที่จะปรับตัวสูงขึ้นได้ง่ายกว่า
  • วิธีใช้ดูคริปโต:
    • เปรียบเทียบ Market Cap: ไม่ควรดูแค่ราคาต่อเหรียญเพียงอย่างเดียว แต่ควรดู Market Cap ควบคู่ไปด้วยเสมอ เช่น เหรียญ A ราคา $100 มี Circulating Supply 10 ล้านเหรียญ (Market Cap $1 พันล้าน) กับเหรียญ B ราคา $1 มี Circulating Supply 500 ล้านเหรียญ (Market Cap $500 ล้าน) แม้เหรียญ A จะราคาต่อหน่วยสูงกว่า แต่ Market Cap ของ A สูงกว่า B นั่นหมายความว่า A เป็นโครงการที่ใหญ่กว่า B
    • พิจารณาการเปลี่ยนแปลง: สังเกตว่า Circulating Supply มีการเปลี่ยนแปลงอย่างไรในแต่ละช่วงเวลา หากมีการปล่อยเหรียญใหม่เข้าสู่ตลาดจำนวนมากอย่างต่อเนื่อง (เช่น จากการปลดล็อก Vesting หรือ Staking Rewards) อาจส่งผลให้ราคาถูก Dilution ได้ แม้โปรเจกต์จะมีพื้นฐานดีแค่ไหน แรงกดดันจาก Supply ที่เพิ่มขึ้นมักจะบั่นทอนราคาในระยะสั้นถึงกลาง การศึกษา Vesting Schedule ของทีมงาน, นักลงทุน Private Sale และกลุ่มพันธมิตร จึงเป็นสิ่งสำคัญ

2. Total Supply (อุปทานรวม)

Total Supply คือ จำนวนเหรียญหรือโทเค็นทั้งหมดที่ได้ถูกสร้างขึ้นมาแล้วในระบบ ไม่ว่าเหรียญเหล่านั้นจะกำลังหมุนเวียนอยู่ในตลาดหรือไม่ก็ตาม

  • Total Supply จะรวม:
    • Circulatไว้ในสัญญา Smart ing Supply: เหรียญที่หมุนเวียนอยู่ในตลาด
    • เหรียญที่ถูกล็อกไว้ (Locked-up Tokens): เช่น เหรียญที่ถูกล็อกContract สำหรับการ Staking, เหรียญที่ยังอยู่ในช่วง Vesting Period (ทยอยปลดล็อกให้กับทีมพัฒนาหรือนักลงทุนช่วงแรก)
    • เหรียญที่ถูกสำรองไว้: เช่น เหรียญที่ถูกเก็บไว้โดยทีมพัฒนาเพื่อใช้ในการพัฒนาโครงการในอนาคต หรือสำหรับการแจกจ่าย (Airdrop)
  • สำคัญอย่างไร: การรู้ Total Supply ช่วยให้นักลงทุนเข้าใจภาพรวมของ Tokenomics ว่ามีเหรียญทั้งหมดเท่าไหร่ที่ถูกสร้างขึ้นมา และเหรียญที่ยังไม่เข้าสู่ตลาดจะถูกปลดล็อกออกมาเมื่อใดและด้วยเหตุผลใด ซึ่งเป็นข้อมูลสำคัญในการวิเคราะห์ Tokenomics ของโปรเจกต์
  • วิธีใช้ดูคริปโต:
    • เปรียบเทียบ Total Supply กับ Circulating Supply: หากมีสัดส่วนของเหรียญที่ยังไม่เข้าสู่ตลาดมาก ควรศึกษาแผนการปล่อยเหรียญ (Token Release Schedule) อย่างละเอียดว่าเหรียญเหล่านั้นจะถูกปล่อยออกมาเมื่อไหร่และด้วยอัตราเท่าใด เพื่อประเมินความเสี่ยงของการเจือจาง
    • ดูว่าเหรียญที่เหลือถูกจัดสรรไว้เพื่ออะไร: เหรียญที่ยังไม่หมุนเวียนนั้นถูกเก็บไว้เพื่อวัตถุประสงค์ใด (เช่น การตลาด, การพัฒนา, รางวัล Staking) การจัดสรรที่ดีและโปร่งใสแสดงถึงความน่าเชื่อถือของโครงการ

3. Max Supply (อุปทานสูงสุด)

Max Supply คือ จำนวนเหรียญหรือโทเค็นสูงสุดที่สามารถสร้างขึ้นมาได้ตลอดไป ซึ่งมักจะถูกกำหนดไว้ตั้งแต่แรกในโค้ดของบล็อกเชนและไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้

  • ตัวอย่างที่ชัดเจนคือ Bitcoin (BTC) ที่มี Max Supply คงที่อยู่ที่ 21,000,000 BTC ตลอดไป ทำให้ Bitcoin ถูกมองว่าเป็น "ทองคำดิจิทัล" เนื่องจากมีปริมาณจำกัดและไม่สามารถเพิ่มขึ้นได้อีก
  • สำคัญอย่างไร: Max Supply บ่งบอกถึง ความขาดแคลน (Scarcity) ของเหรียญนั้นๆ หากคริปโตเคอร์เรนซีมี Max Supply ที่จำกัด มักจะได้รับการพิจารณาว่ามีคุณสมบัติที่ดีในการเป็นสินทรัพย์ที่รักษามูลค่าในระยะยาว เพราะเมื่อความต้องการเพิ่มขึ้น แต่ปริมาณมีจำกัด ราคาก็มีแนวโน้มที่จะสูงขึ้น
  • วิธีใช้ดูคริปโต:
    • ประเมิน Long-Term Value: หากคุณเป็นนักลงทุนระยะยาวที่ต้องการถือสินทรัพย์ที่รักษามูลค่า ควรพิจารณาคริปโตที่มี Max Supply ที่ชัดเจนและจำกัด
    • ทำความเข้าใจว่า "ไม่มี Max Supply" หมายถึงอะไร: คริปโตบางสกุล (เช่น Ethereum ก่อนการอัปเดต The Merge) ไม่มี Max Supply ที่ตายตัว แต่มีกลไกในการควบคุมการออกเหรียญและบางครั้งอาจมีกลไกการเผาเหรียญ (Burning Mechanism) เพื่อให้เกิดภาวะเงินฝืด (Deflationary) ซึ่งก็เป็นอีกรูปแบบหนึ่งของการควบคุม Supply ที่น่าสนใจ คุณควรศึกษาเพิ่มเติมเกี่ยวกับกลไกเหล่านี้หากเหรียญที่สนใจไม่มี Max Supply

สรุปได้ว่า "Supply" ในโลกคริปโตคือปัจจัยพื้นฐานที่ซับซ้อน สำหรับนักลงทุนที่ต้องการความได้เปรียบ การมองทะลุตัวเลขพื้นฐาน ไปยังกลไกการสร้าง การกระจาย และการหมุนเวียนของเหรียญ รวมถึงความเสี่ยงจากการ Dilution จะช่วยให้คุณตัดสินใจลงทุนได้อย่างมีข้อมูล รอบคอบ และมั่นใจยิ่งขึ้น ท้ายที่สุดแล้ว การทำความเข้าใจ Supply อย่างถ่องแท้ จะเป็นหนึ่งในกุญแจสำคัญสู่ความสำเร็จในการลงทุนในตลาดคริปโตเคอร์เรนซีที่เปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา